สัมมนาการสอนภาษาญี่ปุ่นภายใต้สถานการณ์ COVID-19

คำเตือน: สรุปสัมมนาสั้นๆ แต่พรรณนาเรื่องตัวเองอย่างยาว😂🤣

สัมมนาการสอนภาษาญี่ปุ่นภายใต้สถานการณ์โควิด 19 โดย OJSAT

เดี๋ยวนี้เราไม่ได้สอนภาษาญี่ปุ่นแล้ว คนเรียนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ขี้เกียจสอนเองด้วย คือนี่ก็ไม่ได้สอนดีขนาดนั้น คนอื่นสอนดีกว่าเราเยอะแยะ ไม่ได้มีจิตวิญญาณความเป็นครูขนาดนั้น

แต่ได้ทดลองสอนออนไลน์มาก่อนตั้งแต่ก่อนโควิดจะระบาด เพราะทำโปรเจคแลกโดเนทเลือกตั้งไอดอล ก็เลยค่อนข้างคุ้นเคย พวกอุปกรณ์ที่ลงทุนซื้อมาสอน ก็ได้เอาไปใช้สอบออนไลน์ที่เรียนนิติมสธ.ด้วย คุ้มๆ

คุ้มจริงมั้ยไม่รู้ แต่กิเลสดับได้ด้วยการซื้อ ถ้าเราอยากได้ก็ซื้อๆไปเถอะ

หัวข้อสัมมนาเราฟังแบบผ่านๆนะ เพราะไม่ตรงสายโดยตรง ส่วนมากเราดูการทำงานของล่ามมากกว่า เพราะเป็นการสัมมนาแบบสองภาษา

ล่ามเก่งมากกกกกกกกก คือสัมมนาสองวัน แปลพูดสลับ แล้วล่ามคนเดียวคือโซโล่ยาว (วิทยากรบางท่านอาจจะพูดเองแปลเองบ้าง) แต่มาอยู่ตรงเวทีนี้ที่ทุกคนก็รู้ภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ล่ามท่านนี้คือมีทั้งน้ำเสียง จังหวะ ความมั่นใจ ทุกอย่างโคตรจะมืออาชีพ มันเนียนไปหมด

เอาจริงๆคนพูดบางคนที่อาจจะไม่ชินกับการออกกล้อง ยังพูดตะกุกตะกักกว่าล่ามแปลเลย

จะไม่พูดถึงเรื่องทั่วๆไปของความยากลำบากในการเรียนการสอนแบบออนไลน์นะเพราะคิดว่าคงหาอ่านหาดูได้จากแหล่งอื่นอยู่แล้ว แต่เพิ่งรู้ว่าข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนการสอนทางไกลสามารถหาดูได้จากเว็บไซต์ของมหาลัยโอซาก้าหรือฮอกไกโด พอดีเขาบอกว่าจะแชร์สไลด์ให้ แต่ยังไม่ได้เลย เข้าทั้งสองวันเข้าก่อนเวลาก็ไม่เจอ กดลิงค์ทันแค่ของโอซาก้า

อีกข้อมูลหนึ่งที่ได้มาแล้วรู้สึกว่าเป็นประโยชน์คือ Material ในการสอน
แบบเราๆนี่จะโตมากับมินนะ โนะ นิฮงโกะ จริงๆตอนเราม.ปลายเราเรียนอากิโกะ แต่ตอนทำงานแล้วแล้วได้เป็นคนสอน เราสอนมินนะ

แต่หลังๆมาก็มีการพัฒนาตำราเรียนซึ่งมีเวอร์ชั่น PDF สามารถไปโหลดได้เลย (ฟรีด้วย ถ้าจำไม่ผิด) ก็คือ IRODORI กับ MARUGOTO หากต่อไปมีโอกาสได้สอนก็คิดว่าจะใช้สองเล่มนี้บ้างแล้ว เพราะมี material ที่เป็นรูปแบบบออนไลน์และเผยแพร่อย่างถูกลิขสิทธิ์อยู่แล้ว

เคยสอน MARUGOTO ในคอร์สสนทนาสำหรับคนทำงานอยู่คอร์สหนึ่ง ก็รู้สึกว่ายาก แต่ก็คิดว่าเป็นตำราเรียนที่ดีนะ แต่ตอนนั้นไม่ได้ขยันอ่านให้จบเล่ม จบคอร์สก็จบกันไป ไม่ได้สอนต่อ ประกอบกับพอโควิดระบาดเลยไม่ได้รับงานกับโรงเรียนสอนภาษาแล้ว

เอาจริงๆถ้าจะสอนให้ดี คนสอนเองก็มีหลายๆอย่างที่ต้องเตรียมเยอะมาก

อาจารย์บางท่านก็ต้องฝึกทำสไลด์ เอาสกิลวาดภาพมาใช้ ตัดต่อวิดีโอ บางทีก็ต้องฝึกเป็น Youtuber เพื่อให้ตัวเองไม่เขินกล้อง หรือเรียนรู้ว่าใช้นำเสียงแบบไหนจะฟังแล้วรื่นหู ซึ่งเรื่องพวกนี้มันเอามาประยุกต์ใช้กับงานล่ามได้เหมือนกัน

เราคิดว่าสำหรับผู้สอนแล้ว สิ่งที่ยากกว่าการสอนคือการประเมินผลมากกว่า ไหนจะต้องรับมือกับความเครียดส่วนตัวของตัวเอง ความเครียดของผู้เรียน เราอาจจะต้องบอกตัวเองอยู่บ่อยๆว่า 無理しないで หรือ 無理させないで แต่สุดท้ายแล้วมันก็มีแรงกดดันจากภายในและภายนอกอยู่ดีว่าต้องการประสิทธิผลแค่ไหน ซึ่งการบาลานซ์ตรงนี้ค่อนข้างยากและท้าทายมากทีเดียว

เราเพิ่งผ่านการเป็นผู้เรียนทางไกลของมสธ. มา เอาตรงๆรู้สึกโชคดีมากที่น่าจะเรียนจบได้ก่อนช่วงนี้ที่ปัญหากำลังสุมๆและพร้อมจะระเบิดโบ้มออกมา จากการเลื่อนสอบที่เลื่อนออกไปนานมากจนผู้เรียนได้รับผลกระทบ ในกลุ่มผู้เรียนที่อยู่ในเครื่องข่ายโซเชียลมีเดียก็เดือดอยู่ เราเข้าใจนะ เพราะเค้าต้องเอาวุฒิไปใช้ทำอย่างอื่นต่อ บางคนก็อายุมากแล้ว ไม่คุ้นเคยกับการสอบออนไลน์ ก็รอสนามสอบมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องจบล่าช้าไปเป็นปีๆ หรือเงื่อนไขของการลงวิชาสุดท้ายที่ต้องรอให้เหลือวิชาไม่เกินสามวิชา แต่ผลสอบยังไม่ออกหรือยังไม่ได้สอบ ก็เลยกระทบต่อกันไปเป็นลูกโซ่

จะว่าตัวเองไม่เดือดร้อนก็ไม่ได้หรอก เราก็มีผลกระทบอยู่คือผลสอบวิชาสุดท้ายยังไม่ออก ทั้งๆที่ควรจะออกได้แล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ต้องเอาวุฒิไปใช้ทำอะไรต่อ ก็เลยเฉยๆ แต่ก็อยากรู้นะ แอบเช็คเกือบทุกวันอยู่เหมือนกัน

มองย้อนกลับไปที่การทำงานของตัวเอง นี่รู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าสำเนียงเราไม่ดีอ่ะ แย่ทั้งภาษาญี่ปุ่นทั้งภาษาอังกฤษเลย เดี๋ยวจะมีงานต้องใช้ภาษาอังกฤษด้วย บอกตรงๆโคตรหนักใจ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่เราจะเตรียมตัวได้เลย

ของภาษาญี่ปุ่นนี่รู้แล้วว่าตัวเองควรทำอะไร
ควรดู Youtube หนัง อนิเมะ ฟังเพลงภาษาญี่ปุ่นให้มากขึ้น ควรใช้ชีวิตให้มีภาษาญี่ปุ่นอยู่ในชีวิตให้มากขึ้น

แต่เอาตรงๆจากใจไม่สร้างภาพ… อิ่มแล้ววว เลิกงานมาคือปิดโหมดไม่รับรู้ภาษาญี่ปุ่น นี่เป็นล่ามเพราะพยายามบังคับตัวเองให้ทำงานที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น ไม่งั้นลืมหมดจริงๆ

ใจไม่ได้รักขนาดนั้นอ่ะนะ เข้าใจเลย นี่ก็มีเพื่อนที่ใจรัก กับเพื่อนที่เป็นแบบเรา คือเป็นล่นะ แต่เลิกงานมาอย่ามาคุยภาษาญี่ปุ่นกับฉัน ฉันฟังไม่ออก 555555

ใจมันรักเรื่องอื่นมากกว่า ก็เลยเป็นล่ามที่เป็น IT Support กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ ตีดต่อวิดีโอ ทำซับ 5555

ถ้าเลือกได้ก็อยากใช้เวลาไปกับการวาดรูป ทำสื่อ ศึกษาเรื่องการตัดต่อวิดีโอมากที่สุด

แต่ตอนนี้ก็ชอบเรียนพวก Data Analysis ถึงจะฝั่งผ่านๆก็เหอะ แต่การจะออกแบบอะไรสักอย่างให้โดนใจคนอื่น มันก็ต้องผ่านการศึกษา การวิเคราะห์มาเยอะมากๆ ซึ่งตรงนี้เราก็ยังเตาะแตะเป็นเบบี๋อยู่เลย

ก็ดีใจนะที่วันก่อนมีน้องเอ็นจิเนียที่มี passionเรื่องการเขียนโปรแกมมาชวนให้ไปเขียนแอพขาย น้องอยากทำ UX ให้เราทำ UI

เอาจริงๆนี่ก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก ทุกๆวันก็พยายามเรียนรู้เท่าที่ตัวเองจะเรียนไหวอยู่ แต่พอเรียนออนไลน์มากๆคือปวดตา สังขารไม่ไหวแล้วจริงๆ

Leave a comment